ระบบพูดคุย คุณสามารถพูดคุยกับคนขายหรือผู้สนใจซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายๆที่นี่ ให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ
ซึ่งแน่นอนว่า "ส่วนใหญ่แล้วจะมี" และเราจะรู้วิธีนั้นได้ยังไง?
ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาษาอังกฤษนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะด้านการเรียนหรือการทำงานก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัววัดผลอยู่เสมอ เนื่องจากภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาหลักที่คนทั่วโลกใช้สื่อสารและมีการสอนทั่วโลกมากกว่าภาษาอื่นๆ ด้วย ถ้าเรารู้ภาษาอังกฤษและสามารถติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลกได้ และยังเพิ่มโอกาสในชีวิตอะไรหลายๆ อย่างให้เราด้วยทั้งโอกาสในการหางาน โอกาสในการเรียนต่อต่างประเทศ.. ทีนี้เราก็ทราบกันแล้วว่าภาษาอังกฤษสำคัญขนาดไหน เชื่อว่าทุกคนก็คงอยากจะเก่งภาษาอังกฤษกันบ้าง ทำอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษ? แต่ละคนก็มีวิธีเรียนภาษาอังกฤษที่แตกต่างกันไปซึ่งบางคนก็เรียนด้วยตัวเอง เรียนจากการดูหนัง ฟังเพลง ดูสารคดีภาษาอังกฤษหรืออ่านข่าวภาษาอังกฤษ ซึ่งการเรียนด้วยตัวเองแบบนี้ เราต้องมีวินัยมากๆ ต้องทำเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะการเรียนด้วยตัวเองไม่ได้มีข้อสอบไม่ได้วัดผล ทำให้บางทีเราอาจจะผัดวันประกันพรุ่งไปบ้าง อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครคิดว่าการเรียนด้วยตัวเองไม่น่าจะเวิร์ค เราเลยอยากจะแนะนำอีกวิธีหนึ่งก็คือลองมาสมัครคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ XChange English กันสิ!
วิธีฝึกภาษาอังกฤษ เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนน่าจะมีปัญหากับเจ้า ภาษาอังกฤษ กันอย่างแน่นอน เนื่องจากสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ไม่ได้เอื้อต่อการฝึกภาษาเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้คน หรือแม้แต่ระบบการศึกษา ทำให้ ภาษาอังกฤษ ของเราไม่พัฒนาเท่าที่ควร ดังนั้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมบทความเกี่ยวกับ วิธีฝึกภาษาอังกฤษ ที่จะช่วยให้คุณพูดเก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มาฝากเพื่อน ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ลองเอาฝึกด้วยตัวเองกันดู เชื่อว่าหากเพื่อน ๆ ทำตามบทความ จะต้องเก่งขึ้นอย่างแน่นอน โดยจะมีวิธีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันได้เลยค่ะ 1. ช่างเลียนแบบเข้าไว้ งานวิจัยหลายฉบับแสดงให้เห็นว่า การเลียนแบบคือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะภาษาของคุณ การฟังผู้อื่นแล้วพูดตามและเลียนแบบวิธีพูดของพวกเขา แม้กระทั่งการออกเสียงสูงต่ำ อารมณ์และการเลือกใช้คำ ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้ผลมากที่สุดและสนุกที่สุดในการเรียนภาษาให้ก้าวหน้า 2. หลีกเลี่ยงการเรียนรู้แบบคำต่อคำ ได้เวลาเปลี่ยนกลยุทธ์ของคุณแล้ว คราวนี้ ให้คุณเรียนรู้ทั้งประโยค หรือที่เรียกว่าการเรียนรู้เป็นกลุ่มก้อน ให้นึกถึงประโยคใหม่ๆ เป็นหน่วยเดียวที่คุณไม่สามารถแยกได้ จากนั้นจึงฟังและพูดตาม ให้คุณลืมเรื่องไวยากรณ์หรือความหมายของแต่ละคำไปสักครู่ จนกว่าคุณจะเริ่มใช้ประโยคนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้คุณลองปฏิบัติจริง และ "คัดลอก-วาง" สิ่งที่คุณได้ยินโดยไม่สร้างอุปสรรคโดยไม่จำเป็น ซึ่งหมายถึงการเรียนรู้ประโยคอย่างเช่น "I need water" ทั้งประโยคแทนที่จะแปลแบบคำต่อคำ และเรียนรู้วิธีผันกริยา "to need" ก่อนที่คุณจะจำประโยค 3.
ใช้ คำอุทานเชิงบวก แทรกคำอุทานเชิงบวกหรือเสียงที่สร้างความรู้สึกดีๆ เช่น ครับ(ค่ะ), อือม์, อือฮึ, อ๋อ ฯลฯ ถ้าใช้หลายๆ แบบสลับกันจะดูดีกว่าใช้คำเดิมบ่อยมากๆ เช่น พูดกัน 3 นาทีแทรก "อ๋อ" ไป 30 ครั้ง... ฯลฯ แบบนี้อาจจะมากไป (7). ลด คำอุทานเชิงลบ ระวังคำอุทานเชิงลบหรือเสียงที่ทำลายความรู้สึก เช่น เอ๊ะ ฯลฯ (8). บัน ทึก การบันทึกเป็นการช่วยจำอีกอย่างหนึ่ง และเป็นวิธีที่ดีมากด้วยสามารถกลับมาอ่านทบทวนได้ (9). ช่วย สรุป การช่วยสรุปประเด็นว่า เราเข้าใจที่คนอื่นพูดมาแบบนี้ๆ เป็นระยะๆ อาจช่วยให้ผู้พูดรับรู้ว่า เรากำลังตั้งใจฟัง และช่วยแก้ไขให้ถ้าเราเข้าใจผิด (10). ไม่ สวน คนเราฟังและคิดตามได้เร็วกว่าพูด... เรื่องนี้อาจทำให้เราพูดสวนกลับไปได้ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบดี ทำให้ผู้พูดไม่ค่อยพอใจได้ (11). ไม่ ด่วนสรุป การรีบด่วนสรุปเปรียบคล้ายการกินผลไม้ที่ยังไม่สุกดี ทำให้ไม่ได้อรรถรสของการฟังเท่าที่ควร ทางที่ดีคือ สรุปไว้สักส่วนหนึ่งก่อน แล้ว "รอ" ให้เวลาผ่านไปสักพักจึงทำการทบทวน และสรุปส่วนที่เหลือ (12). ฟัง แบบไม่คิดตาม โลกเราไม่ใช่โลกที่จะต้องไปคิดตามคนพูดเสมอไป อาจารย์หมอทางด้านโรคจิตแนะนำว่า เวลาฟังคนไข้โรคจิตพูด... "ให้ฟัง สักแต่ฟัง อย่าไปคิดตาม" เพราะคิดตามแล้วจะบ้าตาม เพราะฉะนั้นเวลาฟังคนบางคนพูด... อย่าไปคิดตาม
มีเทคนิคอะไรบ้าง หลักการเหล่านี้คือวิธีที่ผมใช้ในการฝึกฝน Excel แล้วของเพื่อนๆ มีวิธีไหนบ้าง มาแชร์กันนะครับ แชร์ความรู้ให้เพื่อนๆ ของคุณ 739
ไวยากรณ์ (Grammar) 2. ศัพท์ (Vocabulary) 3. การอ่าน (Reading) 4. การเขียน (Writing) 5. การฟัง (Listening) 6.