ระบบพูดคุย คุณสามารถพูดคุยกับคนขายหรือผู้สนใจซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายๆที่นี่ ให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ
02/03/2019 | รอบรู้เรื่องรถ | วิธีการระบายความร้อนในรถ เวลาจอดตากแดดนานๆ จอดรถตากแดด ระบายความร้อนในรถอย่างไร หาก จอดรถยนต์ตากแดด เป็นเวลานาน ผลลัพธ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ ความร้อนระอุที่สะสมอยู่ภายในรถยนต์! ส่งผลทำให้รู้สึกอึดอัด หายใจไม่สะดวก คล้ายอยู่ในเตาอบที่มีอุณหภูมิความร้อนสูง! เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ พี่หมีมีวิธีระบายความร้อนในรถยนต์มาบอกครับ เปิดประตู-หน้าต่างระบายอากาศ พี่หมีแนะนำให้เปิดประตู หน้าต่างรถยนต์ทิ้งไว้ เพื่อระบายความร้อนที่อยู่ภายในรถ หลังจากนั้นให้กระพือประตูฝั่งคนขับประมาณ 4-5 ครั้ง ซึ่งจะช่วยทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก อย่าเพิ่งเข้าไปนั่งภายในรถ คนขับควรอยู่ภายนอกรถยนต์ก่อน จากนั้นให้ทำการปิด-เปิดประตูแรงๆ 5-6 ครั้ง โดยจะช่วยไล่ความร้อนที่อยู่ภายในรถยนต์ได้ดี ค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิแอร์ในรถ หลังจากที่สตาร์ทเครื่องยนต์ อย่าเพิ่งเร่งแอร์แรงๆ เป็นอันขาด!
ใช้ Skyscanner เพื่อค้นหาตั๋วเครื่องบินของสายการบิน Vieques Air Link ในราคาถูกที่สุด พร้อมเวลาบินเที่ยวบินของสายการบิน Vieques Air Link ที่สะดวกที่สุดสำหรับการเดินทางของคุณ ไปที่ลิงค์และจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกสำหรับเที่ยวบินนั้นได้โดยตรงกับสายการบินหรือตัวแทนท่องเที่ยวที่ให้บริการในราคาประหยัดที่สุด โดย Skyscanner ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น!
ระบบแอร์ ระบบปรับอากาศนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากสำหรับการใช้รถในบ้านเรา ยิ่งหน้าร้อนเช่นนี้แล้วด้วย แอร์ของรถใครๆก็คงจะทำงานหนักขึ้นไปตามๆกัน และเพื่อให้รองรับการทำงานที่หนักหน่วงในช่วงร้อนขนาดนี้ การตรวจสอบการทำงานของรถบบปรับอากาศนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะน้ำยาแอร์ วาล์วต่างๆ ดรายเออร์ ทั้งพวกพัดลมระบายความร้อนของรถเราด้วย เพราะการทำงานที่ไม่เต็มประสิทธิภาพของพัดลมระบายความร้อนนั้น นอกจากจะทำให้แอร์ของรถเราไม่เย็นแล้ว ยังส่งผลให้ความร้อนของรถเราสูงขึ้นและอาจเกิดโอเวอร์ฮีทได้ 3. ฟิล์มรถยนต์ ฟิล์มติดรถยนต์ ก็เป็นอีกตัวช่วยในการจัดการกับปัญหาความร้อนได้ และยังช่วยในการปกป้องอุปกรณ์ต่างๆภายในรถภายในห้องโดยสารด้วย โดยสำหรับการเลือกฟิล์มติดรถนั้น ควรเลือกฟิล์มที่ได้มาตรฐาน ทั้งการลดความร้อน การป้องกันUV การสะท้อนแสง และสำหรับการติดฟิล์มก็ควรเลือกรับบริการกับศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าได้ฟิล์มที่เป็นของแท้แน่นอน 4. การจอดตากแดด สำหรับการจอดรถตากแดดเป็นเวลานานๆนั้น ควรหาม่านมาปิดกระจกหน้าเพื่อการป้องกันคอนโซลภายใน และเป็นการช่วยลดความร้อนภายในรถของเราด้วย ทั้งการใช้งานรถหลังจากที่จอดรถตากแดดไว้นาน ก็ควรลดกระจกฝั่งตรงข้าม 1 บาน แล้วเปิดประตูรถทั้งด้านหน้าด้านหลังและปิด โดยทำซ้ำประมาณ 4-5 รอบ ซึ่งจะทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศร้อนภายในรถเราออกไปได้เร็วขึ้น หรือถ้าหากว่าจอดรถในสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว การลดกระจกทุกบานของรถเราลงซัก 1-2 เซนติเมตร ก็เป็นการช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ลดการสะสมความร้อนภายในรถเราได้เป็นอย่างดี ข้อมูล:
ขับรถเปิดกระจกสัก 10 วินาที แม้อุณหภูมิในรถจะใกล้เคียงกับภายนอกแล้ว แต่วัสดุต่างๆภายในรถจะยังคลายความร้อนระอุออกมาเรื่อยๆ ให้คุณเปิดกระจกรถทุกบาน แล้วขับรถออกมา เปิดทิ้งไว้แค่เพียง 10 วินาที ลมจะหมุนเวียนได้อย่างเต็มที่ ไล่ความร้อนสะสมออกจนแทบหมด มันจะยังช่วยลดก็ทำงานหนักของคอยล์แอร์ภายในรถอีกด้วย 4. รถต้อง"วิ่ง"ไปเรื่อยๆ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะคอยล์แอร์ต้องมีลมช่วยพัดระบายความร้อน แม้จะมีพัดลมทำหน้าที่นั้นโดยตรงอยู่แล้ว แต่ลมที่พัดแรงๆที่เข้ามาระหว่างรถวิ่งนั้นย่อม"แรงกว่า"แรงของพัดลมเสียอีก โดยเพราะรถรุ่นเก่าๆหรือระบบแอร์ที่มีอายุมากหน่อย ประสิทธิภาพการทำความเย็นก็จะลดลง พัดลมก็แรงน้อยลง ส่วนรถใหม่ๆ อาจไม่เห็นความต่างส่วนนี้มากนัก 5. เช็คสัญลักษณ์แอร์ สัญลักษณ์ A/C หมายถึง เปิดคอมแอร์ทำงาน เป็นการเช็คว่าคุณ"เปิดแอร์"แล้ว ไม่ใช่ว่าเผลอเปิดแต่พัดลม, ส่วนสัญลักษณ์รถที่มีลูกศรวนภายใน หมายถึงการปิดกั้นไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้ามาในรถ (มีไว้ใช้เวลาต้องการไล่ฝ้า) เป็นการ"ปรับอากาศ"เฉพาะภายในรถในเอง
อากาศร้อนปรอทแตกแบบนี้ สำหรับใครที่ต้องจอดรถตากแดดนานๆ รับรองได้เลยว่าอุณหภูมิภายในรถร้อนแรงพอๆ กับเตาอบอย่างแน่นอน แต่ไม่ต้องกังวลใจไป วันนี้วิริยะประกันภัยมี 5 วิธี ลดอุณหภูมิให้รถ ก่อนเดินทาง สำหรับคนที่ต้องจอดรถตากแดดนานๆ มาฝากกัน จะมีวิธีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย! 1. ปิดม่านบังแดดที่กระจกหน้ารถทุกครั้ง เมื่อต้องจอดกลางแดด ม่านบังแดด ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างมาก ควรมีติดรถไว้ และควรใช้ติดไว้บริเวณกระจกหน้ารถทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถกลางแดดนานๆ นอกจากจะช่วยลดความร้อนภายในห้องโดยสารแล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันคอนโซนหน้ารถไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้อีกด้วย 2. ลดกระจกคู่หน้าฝั่งใดฝั่งหนึ่งลง 1-2 นิ้ว จากนั้นเปิด-ปิดประตูฝั่งตรงข้าม 5-6 ครั้ง เริ่มจากลดกระจกรถคู่หน้าฝั่งใดฝั่งหนึ่งลง (ประมาณ 1-2 นิ้ว) จากนั้นเปิด-ปิดประตูฝั่งตรงข้าม 5-6 ครั้ง เพื่อระบายความร้อนออกจากรถ เนื่องจากการดันประตูเข้า-ออก จะทำให้ความดันอากาศภายในถ่ายเทออกไปนอกรถ และอากาศภายนอกจะเข้ามาแทนที่และดันอากาศร้อนออกไปจากห้องโดยสารนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้สามารถลดอุณหภูมิได้เกือบ 10 องศาเลยทีเดียว 3. เปิดกระจกรถทุกบานให้สุด ทิ้งไว้ 1-2 นาที ก่อนสตาร์ทเครื่อง ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรเปิดกระจกรถทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที เพื่อลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารลง และให้ลมผ่านเข้ามาทางกระจกทุกบาน ซึ่งถือเป็นการช่วยไล่ความร้อนออกจากรถได้อย่างรวดเร็วอีกวิธีหนึ่ง 4.
หลังสตาร์ทรถ เปิดกระจกไว้เล็กน้อย ค่อยๆ เร่งความเย็นแอร์และปรับองศาช่องแอร์ขึ้นด้านบน เมื่อสตาร์ทรถเรียบร้อยแล้ว ควรแง้มกระจกรถไว้ก่อน จากนั้นเปิดแอร์แล้วค่อยๆ เร่งความเย็นและปรับองศาของช่องแอร์ให้เชิดขึ้นไปด้านบนสุด เพื่อเป็นการไล่มวลอากาศร้อนที่ลอยขึ้นด้านบนให้ออกไปตามช่องกระจกที่เปิดไว้ * ไม่หันช่องแอร์ให้ตรงกับกระจก เพื่อป้องกันอันตรายจากความเสียหาย ที่มาจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบฉับพลัน 5. ค่อยๆ เพิ่มระดับพัดลมแอร์จนสูงสุด เมื่ออุณหภูมิภายนอกและภายในรถใกล้เคียงกัน เมื่ออุณหภูมิภายนอกและภายในห้องโดยสารใกล้เคียงกันแล้ว ค่อยๆ ปรับเพิ่มระดับพัดลมแอร์จนสูงสุด เพื่อเป็นการช่วยไล่ความร้อนออกจากห้องโดยสารได้อย่างเต็มที่ แค่ทำตามง่ายๆ 5 วิธี เพียงเท่านี้รถของคุณก็จะไม่ร้อนเป็นเตาอบอีกต่อไป หวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้ และนำไปใช้งานได้จริงเพื่อคลายร้อนให้รถ เมื่อจอดรถตากแดดนานๆ สำหรับท่านที่สนใจทำประกันรถยนต์ สามารถซื้อประกันออนไลน์ได้ที่
35 กิโลกรัมเท่านั้น คลิกดูโน้ตบุ๊ค acer รุ่นไหนดี ราคาไม่เกิน 10, 000 บาท 4 โน้ตบุ๊ค HP รุ่น 15-DB1000AX แล็ปท็อปน้ำหนักเบาราคาหมื่นต้น ๆ หน้าจอกว้าง 15. 6 นิ้ว ช่วยให้คุณทำงานและรับชมความบันเทิงได้อย่างเต็มตามากยิ่งขึ้น มาพร้อม Windows 10 แท้ ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการแชร์หน้าจอสมาร์ทโฟนโดยดูผ่านแล็บท็อปได้ และรองรับการทำงานร่วมกับปากกา Stylus 5 โน้ตบุ๊ค Dell รุ่น รุ่น 3581-W566015106THW10 แล็บท็อปดีไซน์เรียบหรู ใช้ทำงานและรับชมความบันเทิงได้อย่างไหลลื่น ไม่ว่าจะพิมพ์งาน ท่องอินเทอร์เน็ต ดูหนัง ฟังเพลง ด้วยหน้าจอที่กว้าง 15. 6 นิ้ว ทำให้รับชมได้อย่างเต็มตา มาพร้อมกับชิป Intel Core i3 ใช้งานได้ไหลลื่น และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากถึง 1TB ช่วยให้คุณจัดเก็บไฟล์ได้ตามความต้องการ READ MORE>>> ACER Swift 1 3 Sakura Pink สีสวยสุด ๆ ในอุดมคติของสาว ๆ 2018 แนะนำ 4 เกมมิ่งโน้ตบุ๊คน่าสนใจจากโปร 12. 12 Lazada โปรโมชั่น ซื้อเอเซอร์โน้ตบุ๊ค ลุ้นทอง! Promotion Acer ใจใหญ่ แจกกระหน่ำ
1. เปิดหน้าต่างด้านคนนั่งด้านหน้าลงให้สุด (เปิดแค่บานเดียวนะจ๊ะ) 2. ไปยืนอยู่ที่ประตูฝั่งคนขับ แล้วเปิดและปิด 5 ครั้ง (หรือจะมากกว่าก็ได้ ถ้ามีเวลาและกำลังที่จะทำ) 3. แค่นี้อุณหภูมิภายในรถก็จะลดลงมาภายในพริบตา
ภาพ: ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ หรือว่าช่วงที่อุณหภูมิบ้านเราขนาดนี้ ย่อมจะส่งผลให้อายุการใช้งานชิ้นส่วนต่างๆของรถเรานั้นสั้นขึ้น ฉะนั้นแล้วสำหรับช่วงที่อุณหภูมิสูงแบบนี้จึงต้องมีการเอาใจใส่ ดูแลรักษารถของเราเป็นพิเศษ ซึ่งเราจะมาแนะนำ 4 วิธี ในการดูแลรักษารถในช่วงหน้าร้อนเช่นนี้ 1.
เชื่อว่าทุกคนต้องเจอกับปัญหาการวนหาที่จอดรถในที่ร่มๆหรือจอดให้พ้นแดด แต่มันก็ชั่งยากเหลือเกิน เพราะเวลาหาที่จอดรถที่ไร มีแต่พื้นที่โล่งๆไม่มีหลังคาหรือมีแต่ต้นไม่สักต้นที่จะสามารถหนีแดดได้ มันจึงทำให้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจอดรถทิ้งไว้ในที่ร้อนๆเป็นเวลานานๆ ดังนั้นความร้อนที่อยู่ในรถ ในยามที่เราจอดรถท่ามกลางแดดที่ร้อนจัดๆ ก็จะทั้งร้อนและอบอ้าวเอามากๆ ไม่ต่างจากข้างนอกเลย ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคนและรถทุกคัน และเคยทราบไหมว่า วิธีคล้ายความร้อนง่ายๆ มันต้องทำอย่างไร? แก้ปัญหาได้ง่ายๆตามนี้เลยครับ 1. ใช้หลักความดันไล่อากาศ ในขณะที่เปิดรถเข้าไปใหม่ๆ อุณหภูมิภายในรถจะสูงกว่าด้านนอก ดังนั้นให้อ้อมไปเปิดประตูรถฝั่งคนที่นั่งด้านข้างคนขับและลดกระจกลงให้สุด หลังจากนั้นให้กลับไปที่ฝั่งคนขับเพื่อทำการ เปิด/ปิดประตูรถระบายอากาศออกประมาณ 10 ครั้ง 2. เปิดแอร์จากเบาไปแรง ควรจะเปิดเป็นโหมดพัดลมให้ปล่อยความร้อนออกมาก่อน และค่อยไล่เปิดแอร์จากเบาไปแรงมันจะช่วยถนอมคอยล์แอร์และค่อยๆปรับอุณหภูมิด้วย การเปิดแอร์แรงๆในทันทีที่อุณหภูมิภายในรถสะสมมากๆ นอกจากคอยล์แอร์จะต้องทำงานอย่างหนักทำให้สึกหรอเร็วแล้ว ยังไม่ได้ทำให้อุณหภูมิเย็นเร็วด้วย การเปิดแอร์แรงในทันที ก็เหมือนนักวิ่งที่ออกตัววิ่งเร็วๆทันทีโดยไม่ได้วอร์มร่างกาย ทำให้เหนื่อยและบาดเจ็บได้ง่าย เพราะรถที่จอดตากแดด อุณหภูมิของอุปกรณ์การทำความเย็นก็ร้อนตามเช่นกัน ต้องให้เวลากันหน่อย 3.