ระบบพูดคุย คุณสามารถพูดคุยกับคนขายหรือผู้สนใจซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายๆที่นี่ ให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ
It'll sink in that heavy sea. เรือลำนั้นดูไม่ค่อยปลอดภัย มันอาจจะจมในทะเลที่คลื่นลมแรง Look at that boat! It's going to sink. มองดูเรือลำนั้นสิ มันกำลังจะจม อธิบายในภาพที่ 1 ชายคนนี้ยังไม่ได้เอาเรือลงทะเล เขาอาจจะเปลี่ยนใจไม่เอาเรือลงทะเลก็ได้ เพราะแลเห็นคลื่นลมที่แรงจัด ภาวะของการเกิดอันตรายต่อเรือและชายคนนี้ยังอยู่ไกลตัว แต่ในภาพที่ 2 เรือและชายคนนี้กำลังเผชิญกับคลื่นลมแรงในทะเลที่บ้าคลั่ง ภาวะของการเกิดอันตรายอยู่ใกล้ตัว โอกาสของการนำเรือเข้าฝั่งเพื่อให้ชีวิตรอด แทบไม่มีเลย Don't climb up that tree. You'll fall and hurt yourself. อย่าปีนขึ้นต้นไม้ต้นนั้น ลูกอาจจะตกลงมาได้รับบาดเจ็บ Look out! You're going to fall! ระวัง ลูกกำลังจะตกลงมา อธิบาย ในภาพที่ 1 แม่บอกลูกที่กำลังทำท่าจะปีนขึ้นต้นไม้ แต่ยังไม่ได้ ปีนขึ้น เพื่อจะเอาลูกบอลที่ค้างอยู่ลงมา แม่ทำนายในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ยังอยู่ไกลตัวเพราะลูกยังไม่ได้ปีน แต่ในภาพที่ 2 ลูกปีนขึ้นไปแล้ว และกำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้ที่กำลังหัก แม่ร้องเตือน (warning วอนิ่ง) ลูกเพราะภาวะของการเกิดอันตรายอยู่ใกล้ตัว เลี่ยงที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นได้ยากแล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งสองภาพเป็นการทำนาย (prediction) เหมือนกัน แต่ ต่างกันตรงที่ความมากน้อยของโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น 2.
B: Tomorrow. ก – เมื่อไรคุณจะคืนหนังสือของดิฉัน ข – พรุ่งนี้ A: Where are we going to stay tonight? B: In a temple, perhaps. ก – คืนนี้เราจะพักกันที่ไหน ข – บางทีอาจจะพักที่วัด John is going to tell Mary the truth. A: Who is going to tell Mary the truth? B: John. ก – ใครจะเล่าความจริงให้แมรี่ฟัง ข – จอห์น We are going to give Susan a ring. A: Who are we going to give a ring? B: Susan. ก – เราจะให้แหวนแก่ใคร ข – ซูซาน การใช้ be going to 1. ใช้ be going to เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์บางอย่างใน อนาคตที่มีเหตุบ่งบอกให้เห็นชัดเจนในขณะปัจจุบัน ลักษณะดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกมั่นใจของผู้พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา จากสาเหตุปัจจุบัน ในอนาคตอันใกล้ Look at those black clouds in the sky. It's going to rain. Those people are going to get wet. ดูเมฆดำทะมึนในท้องฟ้าเหล่านั้นสิ ฝนกำลังจะตก คนเหล่านั้นกำลังจะเปียก แต่ ถ้าใช้ will จะหมายถึง เราคิดหรือเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นในอนาคต ซึ่งภาวะของการเกิดเหตุการณ์ยังห่างไกลกว่าการใช้ be going to That boat doesn't look very safe.
Personal Pronouns ( บุรุษสรรพนาม) คือสรรพนามที่ใช้แทนบุคคลหรือสิ่งของในการพูดสนทนา มี 3 บุรุษคือ บุรุษที่ 1 ได้แก่ตัวผู้พูด I, we บุรุษที่ 2 ได้แก่ผู้ฟัง you บุรุษที่ 3 ได้แก่ผู้ ที่พูดถึง สิ่งที่พูดถึง he, she. it, they รูปที่สัมพันธ์กันของคำสรรพนาม รูปประธาน รูปกรรม Possessive Form Reflexive Pronoun Adjective Pronoun I me my mine myself we us our ours ourselves your yours yourself he him his himself she her hers herself it its itself they them their theirs themselves เช่น I saw a boy on the bus. He seemed to recognize me. ฉันเจอเด็กคนหนึ่งบนรถประจำทาง เขาดูเหมือนจะจำฉันได้ ( He ในประโยคที่สองแทน a boy และ me แทน I ในประโยคที่หนึ่ง) My friend and her brother like to swim. They swim whenever they can. เพื่อนฉันและน้องชายของเธอชอบว่ายน้ำ พวกเขาไปว่ายน้ำทุกครั้งที่มีโอกาส ( they ในประโยคที่สอง แทน My friend และ her brother ในประโยคที่ 1) การใช้ Personal Pronouns ที่ทำหน้าที่เป็นประธานและเป็นกรรมมีหลักดังนี้ Personal Pronoun ที่ตามหลังคำกริยาหรือตามหลังบุพบท ( preposition) ต้องใช้ในรูปกรรม เช่น Please tell him what you want.
ใครก็ตามควรจะมองทั้งสองด้านก่อนข้ามถนน Nobody will believe him. จะไม่มีใครเชื่อเขา Little is expected. มีการคาดหวังไว้น้อยมาก We, you, they ซึ่งปกติเป็น personal pronoun จะนำมาใช้เป็น indefinite pronoun เมื่อไม่เจาะจง โดยมากใช้ในคำบรรยาย คำปราศัย เช่น We should prepare ourselves to deal with any emergency. เรา ( โดยทั่วไป) ควรจะเตรียมพร้อมไว้เสมอสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน) You sometimes don't know what to say in such a situation. บางครั้งพวกคุณก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรในสถานการณ์เช่นนั้น. 6. Interrogative Pronouns ( สรรพนามคำถาม) เป็นสรรพนามที่แทนนามสำหรับคำถาม ได้แก่ Who, Whom, What, Which และ Whoever, Whomever, Whatever, Whichever เช่น Who want to see the dentist first? ใครอยากจะเข้าไปหาหมอฟันเป็นคนแรก? ( who ในที่นี้เป็นประธาน) Whom do you think we should invite? เธอคิดว่าเราควรจะัเชิญใคร? ( whom ในที่นี้เป็นกรรม - object) To whom do to wish to speak? เธออยากจะพูดกับใคร? ( whom ในที่นี้เป็นกรรม - object) What did she say? เธอพูดว่าอะไรนะ? ( what เป็นกรรมของกริยา say) Which is your cat? แมวของเธอตัวไหน?
แจ๊คนั่งอยู่คนเดียวทีีมุมห้องในคาเฟ Advertisement 4. Definite Pronouns หรือ Demonstrative Pronouns คือสรรพนามที่บ่งชี้ชัดเจนว่าใช้แทนสิ่งใด เช่น this, that, these, those, one, ones, such, the same, the former, the latter That is incredible! นั่นเหลือเชื่อจริงๆ (อ้างถึงสิ่งที่เห็น) I will never forget this. ฉันจะไม่ลืมเรื่องนี้เลย (อ้างถึงประสบการณ์เมื่อเร็วๆนี้) Such is my belief. นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเชื่อ (อ้างถึงสิ่งที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้) Grace and Jane ar good girls. The former is more beautiful than the latter. เกรซและเจนเป็นเด็กดีทั้งคู่ แต่คนแรก (เกรซ)จะสวยกว่าคนหลัง (เจน) definite Pronouns ( สรรพนามไม่เจาะจง) หมายถึงสรรพนามที่ใช้แทนนามได้ทั่วไป มิได้ชี้เฉพาะเจาะจงว่าแทนคนนั้น คนนี้ เช่น everyone everybody everything some each someone somebody all any many anyone anybody anything either neither no one nobody nothing none one more most enough few fewer little several much less Everybody loves somebody. คนทุกคนย่อมมีความรักกับใครสักคน Is there anyone here by the name of Smith? มีใครที่นีชื่อสมิธบ้าง One should always look both ways before crossing the street.
( which เป็นประธาน) Which of these languages do you speak fluently? ภาษาไหนในบรรดาภาษาเหล่านี้ที่คุณพูดได้คล่อง? ( which เป็นกรรมของ speak) หมายเหต ุ which และ what สามารถใช้เป็น interrogative adjective และ who, whom, which สามารถใช้เป็น relative pronoun ได้ 7. Relative Pronouns ( สรรพนามเชื่อมความ) คือสรรพนามที่ใช้แทนคำนามที่กล่าวมาแล้วในประโยคข้างหน้า และพร้อมกันนั้นก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคทั้งสอง ให้เป็นประโยคเดียวกัน เช่นคำต่อไปนี้ who, whom, which whose, what, that, และ indefinite relative pronouns เช่น whoever, whomever, whichever, whatever Children who (that) play with fire are in great danger of harm. The book tha t she wrote was the best-seller He's the man whose car was stolen last week. She will tell you what you need to know. The coach will select whomeve r he pleases. Whoever cross this line will win the race. You may eat whatever you like at this restaurant.
โปรดบอกเขาถึงสิ่งที่คุณต้องการ ( ตามหลังดำกริยา tell) Mr. Wilson talked with him about the project. คุณวิลสัน พูดกับเขาเกี่ยวกับโครงการ ( ตามหลังบุพบท with) หมายเหตุ ถ้ากริยาเป็น verb to be สรรพนามที่ตามหลังจะใช้เป็นประธานหรือเป็นกรรม ให้พิจารณาดูว่า สรรพนามใน ประโยคนั้นอยู่ในรูปผู้กระทำ หรือ ผู้ถูกกระทำ เช่น It was she who came here yesterday. เธอคนนึ้ ที่มาเมื่อวานนี้ ( ใช้ she เพราะเป็นผู้กระทำ) It was her whom you met at the party last night. เธอคนนี้ที่คุณพบที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ (ใช้ her เพราะเป็นกรรมของ you met) 2. Possessive Pronouns ( สรรพนามเจ้าของ) คือสรรพนามที่ใช้แทนคำนามเมื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ได้แก่คำต่อไปนี้ mine, ours, yours, his, hers, its, theirs The smallest gift is mine. ของขวัญชิ้นที่เล็กที่สุดเป็นของฉัน This is yours. อันนี้ของคุณ His is on the kitchen counter. ของเขาอยู่บนเคาน์เตอร์ในครัว Theirs will be delivered tomorrow. ของพวกเขาจะเอามาส่งพรุ่งนี้ Ours is the green one on the table. ของพวกเราคืออันสีเขียวที่อยู่บนโต๊ะ p ossessive pronouns มึความหมายเหมือน possessive adjectives แต่หลักการใช้ต่างกัน This is my book.