ระบบพูดคุย คุณสามารถพูดคุยกับคนขายหรือผู้สนใจซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายๆที่นี่ ให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ
กาญจนา ศรีสวัสดิ์ และคณะ การสำรวจความเสี่ยงจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถยนต์ในประเทศไทย พ. 2552 สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 2552 s for Disease Control and Prevention. Mobile device use while driving – United States and seven European countries, 2011. MMWR 2013; 62(10): 177-182 > for accident research & road safety – Queensland. Mobile phone use & distraction while driving. > hroeder, P., Meyers, M., & Kostyniuk, L. (2013, April). National survey on distracted driving attitudes and behaviors – 2012. (Report No. DOT HS 811 729). Washington, DC: National Highway Traffic Safety Administration. SP, Stevenson MR, McCartt AT, Woodward M, Haworth C, Palamara P, Cercarelli R. Role of mobile phones in motor vehicle crashes resulting in hospital attendance: a case-crossover study. BMJ. 2005;331:428. ที่มา: ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ผู้ประพันธ์
การขับขี่รถพร้อมกับการคุยมือถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก (ฉบับที่ 8) ออกบังคับใช้เมื่อ พ. ศ. 2551 ในมาตราที่ 43 วงเล็บ 9 ระบุว่าการยกมือถือมาคุยระหว่างการขับขี่ มีโทษปรับ ตั้งแต่สี่ร้อยบาทถึงหนึ่งพันบาท และจะถูกตัดคะแนนในระบบของกรมการขนส่ง 10 คะแนนด้วย (เกิดจากการที่มีการวิจัยและเก็บสถิติ พบว่าการใช้โทรศัพท์ในระหว่างการขับขี่เป็นต้นเหตุของปัญหารถเฉี่ยวชนโดยส่วนใหญ่) 3. การคุยโทรศัพท์ระหว่างการขับขี่มีโอกาสสูงที่จะเกิดการเบรกอย่างกะทันหัน เช่น บริเวณทางม้าลายที่มีคนเดินข้ามถนนอย่างไม่ทันระวัง การจอดอย่างกระชั้นชิดตรงป้ายสัญญาณจราจรไฟแดง ฯลฯ อันเกิดจากการที่ผู้ขับขี่ไม่ทันสังเกตป้ายเตือนหรือสัญญาณไฟ ที่ต้องเตรียมชะลอความเร็วจากระยะไกล ซึ่งมักทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนจากรถที่ขับตามมาจนเกิดการเฉี่ยวชนกันได้ 4.
การจอดรถชิดข้างทางเพื่อหยุดคุยโทรศัพท์อย่างเดียว ซึ่งควรเลือกบริเวณที่ห่างไกลจากจุดที่การจราจรแออัด หากมีปั้มน้ำมันหรือร้านค้าสะดวกซื้อพร้อมลานจอดรถอยู่ใกล้ ๆ ก็ควรเลือกจอดในบริเวณนั้น 2. ในเวลากลางคืน หากมีความจำเป็นต้องจอดรถเพื่อคุยโทรศัพท์ แนะนำให้เลือกบริเวณใกล้โคมไฟถนนโซล่าเซลล์ ที่ส่องสว่างเพียงพอ ลดความเสี่ยงที่จะถูกรถยนต์คันอื่นชนท้ายหรือถูกโจรกรรมทรัพย์สิน หากมีกรวยจราจรสะท้อนแสงแบบพับได้พกพาติดท้ายรถอยู่แล้ว ก็ควรนำมาวางห่างจากด้านท้ายของรถขึ้นไปราว 100 - 150 เมตร เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่ามีรถยนต์จอดอยู่ จะเป็นการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้อีกมาก 3. การใช้อุปกรณ์เสริม เช่น Smalltalk ชุดหูฟัง หรือการใช้แท่นวางมือถือแบบติดคอนโซลหรือกระจกหน้ารถยนต์ เป็นอีกวิธีการที่ได้รับความนิยม ทำให้ไม่ต้องเสียมือข้างหนึ่งไปกับการถือโทรศัพท์ สามารถจับพวงมาลัยและบังคับทิศทางรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 4. การรับข้อความทางไลน์หรือแอพพลิเคชันต่าง ๆ ทิ้งไว้ แล้วรอจังหวะเมื่อถึงที่หมายค่อยหยิบโทรศัพท์มาดู เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ดีและไม่ทำให้ขาดการติดต่อกับบุคคลปลายทาง ทั้งยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและหน้าที่ภาระงานส่วนตัวพร้อมกัน ทำให้ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้มากทีเดียว ผลการวิจัยชี้อันตรายในการขับขี่ร่วมกับการใช้โทรศัพท์ ในต่างประเทศมีการศึกษาประเด็นนี้ ด้วยการสร้างสถานการณ์เสมือนจริง โดยให้ผู้ขับขี่มีการคุยโทรศัพท์มือถือไปพร้อมกันกลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จนระดับความเข้มข้นของ แอลกอฮอล์ในเลือดสูงเกินกว่า 0.
คลอดจนได้ครับ!
ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ผิดกฎหมายจราจร ระวังโดนปรับแน่ แนะนำอย่าใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ เพื่อไม่ให้ถูกจับ และเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน หากฝ่าฝืน โดนปรับตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ. ศ. 2522 ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ฝ่าฝืนปรับ 400-1, 000 บาท‼️ เพจกองปราบปราม เผยว่า "พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.
ปัจจุบัน สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถ ไม่ได้เกิดจากการ เมาแล้วขับ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สาเหตุที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุก็คือ การใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถนั่นเอง ซึ่งหลายๆ ท่านคงจะเกิดข้อสงสัยว่า โทรศัพท์มือถือ จะเป็นตัวทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างไร ในเมื่อผู้ขับขี่ ไม่ได้เมา หรือหลับขณะขับรถ แต่เชื่อหรือไม่ว่า จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้โทรศัพท์มือถือนั้น มีมากกว่าการเมาแล้วขับเสียอีก เพราะเหตุใด การใช้โทรศัพท์มือถือจึงเป็นส่วนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้? โดยผลการศึกษา ได้เผยว่า การพิมพ์ข้อความบนมือถือ จะต้องละสายตาจากถนนเฉลี่ย 4.
พ. ร. บ. จราจรทางบก แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 😎 พ. ศ.